สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลพบุรี รับขึ้นทะเบียนองค์กรเกษตรกร ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ระหว่างเวลา ๐๘.๓๐ - ๑๖.๓๐ น. เว้นวันหยุดราชการ ผู้ที่สนใจสามารถติดต่อสอบถามได้ที่สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลพบุรี โทรศัพท์: ๐๓๖-๗๗๖๑๖๒

28 สิงหาคม 2558

การประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดลพบุรี


     การประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจเพื่อบริหารจัดการสถานการณ์ฝนทิ้งช่วงในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดลพบุรี วันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ที่ห้องประชุมสำนักงานเกษตรจังหวัดลพบุรี การประชุมเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา ๐๙.๓๐ น. โดยมีนายสุวิทย์ อาจนาวัง เกษตรกรจังหวัดลพบุรี เป็นประธานในที่ประชุม ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และนายสำอาง แก้วประดับ หัวหน้าสำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดลพบุรีเข้าประชุมแทนประธานสภาเกษตรกรจังหวัดลพบุรี ซึ่งวาระการประชุม และมีมติการประชุมโดยสังเขป ดังนี้

๑. เรื่องประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ

   ๑.๑ เกษตรจังหวัดลพบุรี กล่าวแสดงความขอบคุณทุกหน่วยงานที่ให้การช่วยเหลือเกษตรกร

   ๑.๒ เรื่องการให้ความร่วมมือในการจัดงานคลีนิคเกษตร ที่อำเภอท่าวุ้ง

   ๑.๓ เรื่องการเปิดธนาคารเมล็ดพันธุ์ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี

   ๑.๔ เรื่องการโปรดเกล้าแต่งตั้งรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และการมอบนโยบายของ รมว.
๒. เรื่องรับรองรายงานการประชุมครั้งที่แล้ว

๓. เรื่องเพื่อทราบ

   ๓.๑ เรื่องการปรับปรุงการดำเนินงานของชุดปฏิบัติการเผชิญเหตุการณ์แก้ไขและบรรเทาปัญหา ๓.๒ เรื่องการรายงานภัยแล้ง (ฝนทิ้งช่วง)

      ๓.๑.๑ เรื่องการรายงานในพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา ๒๒ จังหวัด

      ๓.๑.๒ เรื่องการรายงานผลการปฏิบัติงานของชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เยี่ยมเยียน และสร้างการรับรู้ภาคเกษตรระดับจังหวัด

   ๓.๓ การจัดสรรงบประมาณโครงการชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่สร้างการรับรู้ภาคเกษตร

   ๓.๔ การสำรวจสภาวะเศรษฐกิจของเกษตรกร

๔. เรื่องเพื่อพิจารณา การจัดสรรเงินงบประมาณโครงการชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่สร้างการรับรู้ภาคเกษตร ซึ่งทางสำนักปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้จัดสรรเงินให้แต่ละจังหวัดๆ ละ ๑๐๐,๐๐๐ บาท ที่ประชุมได้มีมติ จัดสรรให้ชุดปฏิบัติการระดับอำเภอ ประมาณ ร้อยละ ๗๐ (๗๐,๗๖๑ บาท) จัดสรรให้จังหวัดและเป็นค่าบริหารจัดการโครงการฯ ร้อยละ ๓๐ (๒๙,๐๐๐ บาท) หรือจัดสรรให้อำเภอละ ๘๐๐ บาท ตำบลละ ๔๘๐ บาท เพื่อเป็นค่าวัสดุสำหรับโครงการ